หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 9


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.พีทีจี เอ็นเนอยี’ ที่’BBB+’ แนวโน้ม ‘Stable’

         ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘BBB+’ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งในส่วนของยอดขายและเครือข่ายสถานีบริการ ตลอดจนผลการดำเนินงานที่มั่นคงแม้จะมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ก็ตาม

         อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนลงจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและราคาน้ำมันที่ผันผวน ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงหนี้สินทางการเงินของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ครอบคลุม

         สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน “PT” ในเชิงรุก โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการขยายสถานีบริการโดยเฉลี่ยปีละกว่า 189 แห่ง ทำให้ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีสถานีบริการรวมทั้งสิ้น 2,094 แห่ง โดยจำแนกเป็นสถานีบริการน้ำมัน 1,888 แห่ง สถานีบริการก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Petroleum Gas – LPG) 81 แห่ง และสถานีบริการที่ให้บริการทั้งน้ำมันและก๊าซ LPG อีก 125 แห่ง ด้วยการเติบโตดังกล่าวจึงทำให้บริษัทมีเครือข่ายสถานีบริการมากเป็นอันดับ 2 รองจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)

         ในการขยายช่องทางการจำหน่ายนั้น บริษัทได้ชักจูงสถานีบริการที่มีสัญญากับผู้ค้าปลีกน้ำมันรายอื่นซึ่งกำลังจะหมดอายุให้เปลี่ยนมาให้บริการภายใต้การดูแลของบริษัท ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยลดต้นทุนการลงทุนของบริษัทและลดระยะเวลาการก่อสร้างสถานีใหม่ลง

เริ่มเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จัก

         นอกเหนือจากการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องแล้ว ทริสเรทติ้ง มองว่า แบรนด์ ‘PT’ ของบริษัทยังเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย บริษัทเน้นการขยายสาขาใหม่ๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังได้มีการจัดสรรงบประมาณประจำปีเพื่อใช้ในการปรับปรุงสถานีบริการที่มีอยู่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วย กลยุทธ์ทางการตลาดเหล่านี้ไม่เพียงจะทำให้บริษัทมียอดขายมากยิ่งขึ้นแล้ว แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่น่าสนใจอื่นๆ แก่ลูกค้า เช่น ร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ และศูนย์บริการรถยนต์ได้มากขึ้นด้วย

         การส่งเสริมการตลาดที่สำคัญของบริษัทยังมี ‘PT Max Card’ ซึ่งเป็นระบบบัตรที่ให้สมาชิกสามารถสะสมคะแนนเพื่อรับส่วนลดและของรางวัลอีกด้วย เมื่อปี 2563 บริษัทมีจำนวนสมาชิก PT Max Card เพิ่มขึ้นถึง 14.8 ล้านรายจากจำนวน 12.6 ล้านรายในปี 2562 นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (E-service) เช่น บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-money Service) และการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่สมาชิกอีกด้วย

เป็นผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่อันดับสอง

         สถานการณ์ราคาน้ำมัน ที่ปรับลดลงและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐช่วยให้อุปสงค์น้ำมันที่ลดลงยังคงรักษาระดับอยู่ได้ในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ ปริมาณการบริโภคน้ำมันรายย่อยในประเทศไทยในปี 2563 ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับในปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังสามารถเพิ่มยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการในปี 2563 ได้ถึง 4.74 พันล้านลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 8.1% เมื่อเทียบกับในปี 2562

         การมียอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในลำดับที่สองในตลาดค้าปลีกน้ำมันเอาไว้ได้ จากข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยทริสเรทติ้งจะเห็นว่าบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดค้าปลีกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 16% ในปี 2563 จาก 14% ในปี 2562 ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัททั้งในแง่ของจำนวนสถานีบริการและยอดขายน้ำมันด้วย โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันได้อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคตอันใกล้

         นอกเหนือจากธุรกิจน้ำมันแล้ว บริษัทยังมีการขยายธุรกิจก๊าซ LPG อย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยในปี 2563 บริษัทมีสถานีบริการก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นอีก 23 แห่งซึ่งส่งผลให้บริษัทมียอดขายก๊าซ LPG สำหรับรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 152 ล้านลิตรจาก 134 ล้านลิตรในปี 2562

ความพยายามในการขยายธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน

         เช่นเดียวกับผู้ค้าปลีกน้ำมันรายอื่นๆ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะขยายสู่ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันเพื่อให้มีธุรกิจที่หลากหลายและลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวน ซึ่งโดยปกติแล้วธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันจะมีสัดส่วนกำไรที่สูงกว่าธุรกิจน้ำมัน บริษัทมีแผนการจะขยายเครือข่าย ‘ร้านกาแฟพันธุ์ไทย’ ให้มากยิ่งขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและนอกสถานีบริการของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายการลงทุนไปในธุรกิจบริการรถยนต์อีกด้วย โดยในปี 2563 บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นจำนวน 76.52% ใน บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ จากเดิมที่ถืออยู่ 38.26% ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายก๊าซ LPG โดยการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายก๊าซ LPG ให้แก่ลูกค้าในภาคครัวเรือนให้เป็น 40%-50% ของยอดขาย LPG ทั้งหมดด้วยเช่นกัน ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันของบริษัทจะเติบโตสอดคล้องไปกับจำนวนสถานีบริการ PT ที่เพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทจะยังคงมาจากธุรกิจน้ำมันเช่นเดิม

ผลการดำเนินงานเข้มแข็งแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19

         แม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 แต่บริษัทก็ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าที่ทริสเรทติ้งได้คาดการณ์ไว้ โดยในปี 2563 บริษัทมียอดขายน้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของโรคโควิด 19 ที่เกิดจากมาตรการปิดเมืองเพียงในแค่ระยะสั้น ในขณะที่บริษัทมียอดขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน การที่บริษัทมีรายได้ลดลง 12.6% มาอยู่ที่ 1.05 แสนล้านบาทนั้นเป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากเป็นหลักจนส่งผลให้บริษัทต้องเร่งปรับลดงบประมาณการลงทุนและรายจ่ายลง ในการนี้ บริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาทซึ่งสูงกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้

         ในอนาคตทริสเรทติ้งมองว่ายอดขายน้ำมันของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการขยายสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่ายอดขายน้ำมันของบริษัทจะเติบโตขึ้นประมาณ 7% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้าโดยประมาณการว่าค่าการตลาดในภาพรวมของบริษัท (รวมการขายปลีกและขายส่ง) จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.85 บาทต่อลิตร ซึ่งทำให้คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 5.8-6.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566

การแข่งขันที่รุนแรง

         ทริสเรทติ้ง มองว่า ภาวะการแข่งขันที่สูงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะเป็นข้อจำกัดสำคัญต่ออันดับเครดิตของบริษัท บรรดาผู้ค้าปลีกน้ำมันต่างก็แข่งขันกันทั้งในเรื่องของราคาขายน้ำมันโดยผ่านการรณรงค์ส่งเสริมการขายต่างๆ และการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายในสถานีบริการน้ำมันของตนเอง ทั้งนี้ ผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่ยังคงขยายเครือข่ายสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันงบประมาณการลงทุนในการเปิดสถานีบริการแห่งใหม่ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเนื่องจากผู้ค้ามีความต้องการที่จะสร้างความแตกต่างและเสนอบริการต่างๆ ให้มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยสถานีบริการน้ำมันสมัยใหม่จะมีบริการเพิ่มมากยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของร้านอาหารแฟรนไชส์ ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ และศูนย์บริการรถยนต์ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้าปลีกน้ำมันในการที่จะลดต้นทุนในการดำเนินงานลงในขณะที่ยังจะต้องรักษาคุณภาพของการให้บริการและคงความสามารถในการแข่งขันเอาไว้

         แม้แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นจากการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน แต่ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าโรคโควิด 19 จะยังคงส่งผลกระทบต่อการเดินทางสัญจรต่อไปในระยะสั้น ในขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เปราะบางน่าจะยังคงปิดกั้นการเติบโตของอุปสงค์การใช้น้ำมันซึ่งมีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งกำไรของผู้ค้าปลีกน้ำมันลง

ความผันผวนของราคาน้ำมัน

         ทริสเรทติ้ง มองว่า ราคาน้ำมันที่มีความผันผวนเป็นอย่างมากน่าจะส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมากอาจทำให้ค่าการตลาดของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้ง คาดว่ากรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น โดยทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจะยังคงมีการบริหารจัดการน้ำมันสำรองคงคลังที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยลดการขาดทุนจากการสำรองน้ำมันลงได้ในยามที่ราคาน้ำมันมีความผันผวน

         บริษัทยังมีความอ่อนไหวต่อผลกระทบด้านนโยบายของรัฐบาลเช่นการแทรกแซงราคาน้ำมันในกรณีที่ภาครัฐมีการออกระเบียบในการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบแก่ผู้ใช้น้ำมันดีเซลอีกด้วย โดยระเบียบดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้าปลีกน้ำมันลดลง ทั้งนี้ ค่าการตลาดของบริษัทมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นเนื่องจากสินค้าหลักของบริษัทคือน้ำมันดีเซลซึ่งมีสัดส่วนที่สูงถึง 73% ของยอดขายน้ำมันรวมของบริษัทในปี 2563 ในขณะที่ผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ยังคงดำเนินอยู่นั้น
         ทริสเรทติ้ง คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการเดินทางของประชาชนค่อย ๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติตามความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนทั่วโลก

แนวโน้มหนี้สินจะปรับตัวสูงขึ้น

         ในปี 2563 บริษัทได้มีการลดงบประมาณการลงทุนลงเพื่อรักษาสภาพคล่องเอาไว้ในช่วงที่ความวิตกกังวลเรื่องโรคโควิด 19 อยู่ในระดับสูงสุด การปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ทำให้หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้ว(รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า)ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่  2.9 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 จาก 1.9 หมื่นล้านบาทในปี 2562 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 78.3% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.9 เท่าในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าระดับกระแสเงินสดของบริษัทเมื่อเทียบกับระดับหนี้สินยังมีความเหมาะสมกับอันดับเครดิตของบริษัทอยู่

         ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่าบริษัทจะกลับมาขยายธุรกิจต่อไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าบริษัทจะเพิ่มสถานีบริการอีก 140 แห่งและจะยังคงทำการปรับปรุงสถานีบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันไปพร้อมกันด้วย ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นที่ระดับ 3.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 76%-78% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5-5.4 เท่าในช่วงปี 2564-2566

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่จัดการได้

         ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 4.3-5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2564-2566 และจะมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 13%-14% ทั้งนี้ ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2563 ระบุว่าบริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 2.3 พันล้านบาทและเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 1.5 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในปี 2564 สำหรับสภาพคล่องนั้น บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ประมาณ 942 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 และเงินทุนจากการดำเนินงานในอีก 12 เดือนข้างหน้าซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่  4.3 พันล้านบาท

         อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะจัดหาเงินกู้เพื่อทดแทนหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระเกือบทั้งหมดเพื่อใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจตามแผน ทั้งนี้ หากพิจารณาจากโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปในทางบวกแล้ว ทริสเรทติ้ง มองว่า ความเสี่ยงในการหาเงินกู้ทดแทนของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • ยอดขายน้ำมันจะเติบโตประมาณ 7% ต่อปีโดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการขยายสถานีบริการใหม่ๆ
  • ราคาจำหน่ายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 3.3% ในปี 2564 และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 5.5% ในปี 2565 และหลังจากนั้นจะคงอยู่ในระดับเดิมไปจนถึงปี 2566
  • รายได้จะปรับเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2564 และจะเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2565 และ 7% ในปี 2566
  • ค่าการตลาดของธุรกิจน้ำมันโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1.85 บาทต่อลิต
  • เงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 3.5 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566

แนวโน้มอันดับเครดิต

         แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ว่าบริษัทจะดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเอาไว้ได้ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับหนี้สินทางการเงินและกระแสเงินสดเมื่อเทียบกับระดับหนี้สินได้ตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

         การปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีโอกาสเกิดขึ้นได้หากบริษัทยังคงเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดและมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่สถานะทางการเงินของบริษัทแย่ลงเป็นอย่างมากหากบริษัทมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อการลงทุน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป,  26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG)

อันดับเครดิตองค์กร:

BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

PTG233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com  

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

   © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

    ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!