หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

2916 NER Chuwit


NER กำไร Q1/67 โต 44.29% จากราคายางเพิ่มและค่าเงินบาทอ่อน ตอกย้ำปี 2567 ขยายตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่

          บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER แจ้งงบไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 6,541.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.45 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.60% ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 453.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.29% เผยรับอนิสงค์จากราคายางเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนและเงินบาทอ่อนค่า สำหรับการเติบโตอีก 9 เดือน มุ่งขยายตลาดกลุ่มลูกค้า พร้อมเดินหน้าส่งมอบยาง EUDR แก่ลูกค้าเพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้าน ESG บริษัทยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานในทุกมิติ ควบคู่ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืน

          นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสมเพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2567 สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายรวม 6,541.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.45 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.60% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 4,869.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 74.44% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 951.48 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 24.28% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,672.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 25.56% ของยอดขายรวม ลดลง 664.03 ล้านบาทหรือลดลง 28.42% โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 453.61 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.93% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 139.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.29%

          โดยรายได้จากการขายที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคายางเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนนั้น ราคาขายสินค้ายางเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16.45% เกิดจากสถานการณ์ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 924.02 ล้านบาท และแบ่งเป็นผลต่างด้านปริมาณที่ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 639.94 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 0.57 ล้านบาทหรือคิดเป็น 0.01% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นจำนวนเงิน 30.37 ล้านบาทหรือ 0.49% ของรายได้จากการขายรวม ลดลงจำนวน 29.81 ล้านบาทหรือลดลง 98.13% สัดส่วนที่ลดลงนี้เกิดขึ้นจากการรับชำระหนี้จากลูกหนี้การค้าต่างประเทศ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนตามสัญญาขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับสถาบันการเงินเพื่อการบริหารความเสี่ยงให้ลดลง 

          นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายการเติบโตปี 2567 ด้วยสถานการณ์ยางพาราที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าไม่ต่ำกว่า 70 บาทต่อกิโลกรัม บริษัทได้รับอนิสงค์ตามความต้องการของตลาด (Demand) ภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้น ที่มีความต้องการมากขึ้น การใช้งานมากขึ้นและยังมีย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ ดังนั้นตลาด EV นับเป็นตลาดสำคัญของกลุ่มธุรกิจยางพารา 

          นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าในช่วงนี้เป็นบวกต่อบริษัท ซึ่งบริษัทเดินหน้าผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนความต้องการจากตลาดจีนอาจจะลดลงบ้างแต่เชื่อว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงบริษัทมีความพร้อมในการจำหน่ายยางสำหรับมาตรการ EUDR หรือ EU Deforestation-Free Regulation ซึ่งเป็นกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าที่จะเริ่มปีนี้ ซึ่งจะเป็นบวกกับบริษัทด้วยเช่นเดียวกัน เป็นโอกาสสร้างยอดขายในต่อไป

 

 

5301

Click Donate Support Web 

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

QIC 720x100

TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!