หมวดหมู่: พาณิชย์

สินค้าดาวรุ่ง


พาณิชย์ เผยอาหารทางการแพทย์-อาหารเฉพาะบุคคล เห็นแววเป็นสินค้าดาวรุ่งตัวใหม่

สนค.ติดตามการส่งออกสินค้าอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล พบมีแนวโน้มเป็นดาวรุ่ง เหตุไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกสินค้าอาหารของโลก สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เผยปี 67 ส่งออกได้ 7,018.2 ล้านบาท เพิ่ม 9.7% มี 3 สินค้าเด่น อาหารปรุงแต่งสำหรับทารกหรือเด็กเล็ก ซุปและซุปข้นที่มีเนื้อสัตว์ และอาหารปรุงแต่งที่มีส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันที่มีเนื้อสัตว์ ชี้ไทยยังมีช่องว่างส่งออกได้อีกมาก เมื่อเทียบกับความต้องการในตลาดโลก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการติดตามการส่งออกสินค้าอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล (Medical and Personalized Food) พบว่า เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีศักยภาพของไทย แม้ปัจจุบันไทยยังมีการส่งออกมูลค่าไม่สูงนัก แต่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและสอดรับเทรนด์ดูแลใส่ใจสุขภาพ ทำให้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต

เพราะไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกสินค้าอาหารของโลก สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสู่อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคลได้ โดยต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ศึกษากฎระเบียบและมาตรฐานการนำเข้าของประเทศคู่ค้า และการพัฒนาอาหารทางการแพทย์ ยังสอดรับกับสังคมผู้สูงอายุของไทย และช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้ด้วย

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Presedence Research ผู้ให้บริการด้านข้อมูลตลาดเชิงลึก ระบุว่า ขนาดตลาดอาหารทางการแพทย์ของโลก ในปี 2568 คาดว่าอยู่ที่ 26.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะเติบโตถึง 40.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2577 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.1% ระหว่างปี 2568 ถึง 2577 และขนาดตลาดโภชนาการเฉพาะบุคคลของโลก ในปี 2568 คาดว่าอยู่ที่ 17.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะเติบโตถึง 60.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2577 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 14.6% ระหว่างปี 2568 ถึง 2577

สำหรับ การส่งออกอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคลของไทยในปี 2567 มีมูลค่า 7,018.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% สินค้าส่งออกสำคัญของไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาหารปรุงแต่งสำหรับทารกหรือเด็กเล็ก (พิกัดศุลกากร 190110) มูลค่า 4,153.2 ล้านบาท 2.ซุปและซุปข้นที่มีเนื้อสัตว์ (พิกัดศุลกากร 210410) เช่น ซุปน้ำสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ มูลค่า 2,023.1 ล้านบาท 3.อาหารปรุงแต่งที่มีส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันที่มีเนื้อสัตว์ (พิกัดศุลกากร 210420) เช่น

ซุปละเอียด มูลค่า 275.2 ล้านบาท เฉพาะการส่งออกอาหารปรุงแต่งสำหรับทารก มีสัดส่วน 59.2% รองลงมา คือ อาหารจำพวกซุป มีสัดส่วน 32.7% รวมกันมีสัดส่วน 91.9% ของมูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารทางการแพทย์ของไทย สำหรับตลาดส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ มาเลเซีย สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และออสเตรเลีย มีสัดส่วน 33.6% 14.2% 13.6% 8.9% และ 6.2% ตามลำดับ

ส่วนในช่วง 2 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.พ.) ไทยส่งออกอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคลมูลค่า 1,254.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% สินค้าที่ขยายตัวสูง อาทิ 1.อาหารปรุงแต่งสำหรับทารกหรือเด็กเล็กซึ่งแพ้นมหรือขาดน้ำย่อยแลคเตส (พิกัดศุลกากร 21069081) 2.อาหารเสริม (พิกัดศุลกากร 21069072) และ 3.อาหารที่ใช้ในทางการแพทย์ (พิกัดศุลกากร 21069096) เพิ่มขึ้น 162.7% 66.9% และ 45.7% ตามลำดับ

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า หากพิจารณาการส่งออกและการนำเข้าของโลกสำหรับสินค้ากลุ่มอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคลที่ไทยมีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก พบว่า การส่งออกของไทยเปรียบเทียบกับโลก ไทยยังมีช่องว่างที่จะพัฒนาอันดับให้สูงขึ้นได้อีกมาก และมีโอกาสที่จะส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีความต้องการสูงสำหรับสินค้ากลุ่มนี้ 

โดยอาหารปรุงแต่งสำหรับทารกและเด็กเล็ก ในปี 2566 โลกส่งออกมูลค่า 10,464.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ สัดส่วน 23% ของมูลค่าการส่งออกโลก รองลงมา คือ ฝรั่งเศส 10.9% นิวซีแลนด์ 10.3% เยอรมนี 10.1% และไอร์แลนด์ 8.6% ส่วนไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 18 ของโลก มีสัดส่วน 1.1% และหากพิจารณาด้านการนำเข้าของโลก พบว่า ประเทศผู้นำเข้าอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ จีน สัดส่วน 36.2% ของมูลค่าการนำเข้าโลก รองลงมา คือ ซาอุดีอาระเบีย 5.2% สหรัฐอเมริกา 3% แคนาดา 2.4% และมาเลเซีย 2.4%

ซุปและซุปข้นที่มีเนื้อสัตว์ ในปี 2566 โลกส่งออก มูลค่า 3,441.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สัดส่วน 23.7% รองลงมา คือ แคนาดา 5.6% สเปน 5.5% เยอรมนี 5.1% และเซเนกัล 4.3% ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 22 ของโลก มีสัดส่วน 1.5% และด้านการนำเข้า ประเทศผู้นำเข้าอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ สัดส่วน 14.5% รองลงมา คือ เม็กซิโก 11.5% แคนาดา 8.4% เยอรมนี 4.7% และเนเธอร์แลนด์ 4.4%

อาหารปรุงแต่งที่มีส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันที่มีเนื้อสัตว์ ในปี 2566 โลกส่งออก มูลค่า 703.0 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ เยอรมนี สัดส่วน 11.4% รองลงมา คือ สโลวาเกีย 8.3% โปแลนด์ 8.2% ฝรั่งเศส 7.9% และสเปน 7.5% สำหรับไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 19 ของโลก มีสัดส่วน 1.2% และด้านการนำเข้า ประเทศผู้นำเข้าอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ เยอรมนี สัดส่วน 11.6% รองลงมา คือ สหรัฐฯ 9.7% ซาอุดีอาระเบีย 9.6% สหราชอาณาจักร 9.4% และเนเธอร์แลนด์ 8.9%

ที่ผ่านมา สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย คณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ สนค. และอีกหลายหน่วยงานพันธมิตร ได้ร่วมกันกำหนดคำนิยามอาหารอนาคต จัดกลุ่มสินค้าและวางเป้าหมายการส่งออก เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันและมีเป้าหมายเดียวกัน ปัจจุบันแบ่งอาหารอนาคตออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1.อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน 2.อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล 3.ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง และ 4.โปรตีนทางเลือก โดยภาพรวมการส่งออกอาหารอนาคตของไทย ในปี 2567 มีมูลค่าการส่งออก 26,655.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4%

 

Click Donate Support Web 

PTG 720x100

MTI 720x100

Banner GPF720x100 PXTOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxAXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!